แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติ ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019 ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้านจังหวัดระนอง ชุมพร สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด ควบคู่กับการป้องกันไวรัสโควิด-19 

581

        วันนี้ 4 สิงหาคม 2564 ที่ ค่ายรัตนรังสรรค์ ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติงานของ “ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า 2019 ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้านจังหวัดระนอง ชุมพร และการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว” โดยมีพลตรีศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5/ ผู้บัญชาการกองกำลังเทพสตรี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและร่วมประชุม

        โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้รับฟังบรรยายการสรุปผลการปฏิบัติงาน พิจารณาหารือถึงปัญหาข้อขัดข้องในห้วงที่ผ่านมา ทั้งการสกัดกั้นผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดน รวมไปถึงการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามายังราชอาณาจักร ตลอดจนมอบนโยบายการปฏิบัติการสกัดกั้น โดยให้ปฏิบัติตามพันธกิจของกองทัพบก 3 ประการ ได้แก่ การเฝ้าตรวจและป้องกันชายแดน การจัดระเบียบพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ตลอดจนการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังคงเฝ้าระวังป้องกัน สกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกดหมายตามช่องทางธรรมชาติ นำไปสู่การขยายผลจับกุมขบวนการ ตลอดจนการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าสินค้าทางการเกษตร การสกัดกั้นการลักลอบนำถังอ็อกซิเจนออกนอกราชอาณาจักร โดยกำชับเจ้าหน้าที่วางกำลังเฝ้าตรวจ ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความถี่เฝ้าระวังพื้นที่ และการกระทำสิ่งผิดกฎหมายตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้นทุกตารางนิ้ว โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ตามแนวชายแดนควบคู่กัน เเละให้การช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส

        พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า “จากสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดนไทยเมียน มาร์ ที่ผ่านมีการติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ตามแนวชายแดน และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเดินทางมาทำงาน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ 254 กม. ที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาร์ ด้านจังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง โดยสถานการณ์ของไวรัส covid-19 ทั้ง 2 จังหวัด

        อาจจะมีตัวเลขที่ขยับขึ้นแต่ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถควบคุม และรองรับได้ แต่หากมีปัจจัยภายนอกสถานการณ์ของไวรัส covid-19 จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากมีการลักลอบ และการอพยพเข้ามาทำให้จะต้องมีการบริหารสถานการณ์ ยากลำบากมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นในส่วนของพื้นที่แนวชายแดนไทยเมียนมาร์ ด้านจังหวัดชุมพร  จังหวัดระนอง ในวันนี้ให้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โคโรนา 2019 ตามแนวชายแดนไทยเมียนมาร์ ขึ้นมา โดยให้กองกำลังเทพสตรีเป็นผู้ดำเนินการในการจัดตั้ง  เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านการข่าว ทั้งในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 การเข้ามาของแรงงานต่างด้าวที่อาจมีการเคลื่อนย้ายเข้ามา บริเวณขอบแนวชายแดน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช้งานด้านการข่าวจากทุกหน่วยในการประเมิน สถานการณ์ เพื่อรองรับหากมีการอพยพที่อาจจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ภายใน 2 จังหวัด สำหรับการปฏิบัติงานมีการจัดกำลังเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เเละเต็มกำลัง ในส่วนของกองกำลังเทพสตรี โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 มีขั้นตอนปฏิบัติอยู่ด้วยกัน 3 ขั้น ทั้งการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนทางทะเล ลำน้ำ การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ด่านความมั่นคง จุดข้าม จุดล่อแหลมต่างๆ และเส้นทางรองได้ร่วมมือกับจังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง บูรณาการกำลังกับอาสาสมัครรักษาดินแดน ตำรวจภูธร และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ซึ่งมีการแปรสภาพเป็นจุดตรวจคัดกรอง โดยเพิ่มอาสาสมัครสาธารณสุข เพื่อดูแลเรื่องการตรวจ covid-19  จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมามีการจับกุม ผู้ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งการนำพามาได้โดยตลอด”

        สำหรับการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ไทย – เมียนมา (ระนอง-ชุมพร) มีสภาพพื้นที่ปฏิบัติการ และมีช่องทาง ท่าข้าม ที่ลุยข้าม จำนวน 39 จุด ประกอบด้วย  ช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย  5 ช่องทาง, จุดผ่านแดนถาวร 4 จุด, จุดผ่อนปรนการค้าชายแดน 1 จุด, ช่องทางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย 34 ช่องทาง, ช่องทางธรรมชาติ 9 ช่องทาง, ท่าข้าม  18 ท่าข้าม และที่ลุยข้ามมาได้ จำนวน 7 แห่ง มีการการวางกำลังจัดวางกำลังเป็น 3 แนว คือ แนวที่ 1 พื้นที่ตามแนวชายแดนกำลังทางบก โดยวางกำลังเป็นชุดเฝ้าตรวจชายแดน จำนวน 9 ชุดเฝ้าตรวจชายแดน เพื่อลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ควบคุมภูมิประเทศสำคัญตามแนวชายแดน และเสริมช่องว่างด้วยชุดปฏิบัติการทางบก จำนวน 8 ชุดปฏิบัติการ เพื่อลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน, กำลังทางน้ำ วางกำลัง 1 จุดตรวจ ( จุดตรวจเกาะสะระนีย์ ) และ 1 ชุดปฏิบัติการทางน้ำ  (ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทางน้ำและชายฝั่ง หรือชุดปฏิบัติการฉลาม) แนวที่ 2 พื้นที่ชั้นกลาง จัดตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ/จุดสกัด จำนวน   6 จุด ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดระนอง จำนวน 5 จุด และพื้นที่จังหวัดชุมพร จำนวน 1 จุด มีการจัดเตรียมกำลัง 1 หมวดปืนเล็กเป็นกองหนุน ปฏิบัติภารกิจเชิงรุกตามแผนเผชิญเหตุและหรือภาพข่าวที่ปรากฏ และแนวที่ 3  พื้นที่ชั้นใน เป็นการตั้งจุดตรวจร่วมของฝ่ายปกครองในการสกัดกั้นเส้นทางหลบเลี่ยงจุดตรวจสำคัญ พื้นที่ จังหวัดระนอง จำนวน 5 จุดตรวจ และพื้นที่ จังหวัดชุมพร (อำเภอท่าแซะ) จำนวน 4 จุดตรวจ และมีการวางกำลังเพิ่มเติม จำนวน 10 ชุดปฏิบัติการ ในภารกิจเฝ้าระวังตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดเข้ามาในราชอาณาจักร ควบคู่กับการป้องกันไวรัสโควิด 19 ด้วย

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า