ศอ.บต. แถลงข่าวการจัดนิทรรศการ รายอกีตอ ตอน “100 ปี หลักรัฐประศาสโนบายล้นเกล้า รัชกาลที่ 6 น้อมนำ สืบสาน สู่การปฏิบัติ” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และกระตุ้นจิตสำนึก ข้าราชการและบุคลากรของรัฐให้ปฏิบัติตนภายใต้แนวทางหลัก รัฐประศาสโนบายอย่างเคร่งครัด

177

          วันนี้ (20 มิถุนายน 2566) เวลา 14.00 น. ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พลเรือตรี สมเกียรติ  ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานแถลงข่าวจัดกิจกรรม รายอกีตอ ตอน “100 ปี หลักรัฐประศาสโนบาย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6  น้อมนำ สืบสาน สู่การปฏิบัติ” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และกระตุ้นจิตสำนึกของข้าราชการและบุคลากรของรัฐให้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบการทำงานภายใต้แนวทางหลักรัฐประศาสโนบายอย่างเต็มขีดความสามารถ โดยมี นายศรัทธา  คชพลายุกต์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ , รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา , จังหวัดปัตตานี , นายกเทศมนตรีนครยะลา , ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ , ผู้อำนวยการสำนัก/กอง ข้าราชการ , เจ้าหน้าที่บุคลากร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้แทนส่วนราชการ เข้าร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรมฯ

            โอกาสนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ  ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากบริเวณ 7 หัวเมืองเป็นมณฑลปัตตานี เริ่มมีการพัฒนาปรับปรุงการบริหารจัดการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีพระราชบัญญัติ การประถมศึกษาแห่งชาติเมื่อปี 2465 ที่มุ่งหวังพัฒนาคนโดยเฉพาะทางด้านการศึกษา ให้มีความรู้ความสามารถอย่างทัดเทียมกันทั้งประเทศ ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชนโดยเฉพาะการเรียนศาสนาประกอบกับประเทศไทยรวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำลง จึงกล่าวได้ว่าห้วงเวลาดังกล่าวพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสบปัญหาด้านคุณภาพชีวิต และมิติทางสังคมจิตวิทยา ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงวางกรอบแนวทางในการทำงาน การแก้ปัญหารวมทั้งการบริหารจัดการพื้นที่ไว้เป็นหลัก เรียกว่า “หลักรัฐประศาสโนบาย 6 ประการ” สำหรับปฏิบัติราชการ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ โดยพระราชหัตถเลขาที่ 3/78 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2466 ที่ใจความสำคัญ ดังนี้

          ข้อ 1 ระเบียบหรือวิธีปฏิบัติอย่างใดเป็นทางให้พลเมืองรู้สึกเห็นไปว่า เป็นการเบียดเบียน กดขี่ศาสนาอิสลาม ต้องยกเลิกหรือแก้ไขเสียทันที การใดจะจัดขึ้นใหม่ต้องอย่าให้ขัดกับลัทธินิยมของอิสลาม หรือยิ่งทำให้เห็นเป็นการอุดหนุน ศาสดามูฮัมหมัดได้ยิ่งดี

          ข้อ 2 การกะเกณฑ์อย่างใดๆ ก็ดี การเก็บภาษีอากรหรืออย่างใดๆ ก็ดี เมื่อพิจารณาโดยส่วนรวมเทียมกัน ต้องอย่าให้ยิ่งกว่าที่พลเรือนในแว่นแคว้นของต่างประเทศ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงติดต่อกันนั้นต้องเกณฑ์ ต้องเสียอยู่เป็นธรรมดา เมื่อพิจารณาเทียบกันแต่เฉพาะอย่าง ต้องอย่าให้ยิ่งหย่อนกว่ากัน จนถึงเหตุเสียหายในการปกครองได้

         ข้อ 3 การกดขี่บีบคั้นแต่เจ้าพนักงานของรัฐบาล เนื่องแต่การหมั่นดูแคลนพลเมืองชาติแขก โดยฐานที่เป็นคนต่างชาติก็ดี เนื่องแต่การหน่วงเหนี่ยวชักช้าในกิจการตามหน้าที่ เป็นเหตุให้ราษฎรเสียความสะดวกในทางหาเลี้ยงชีพก็ดี พึงต้องแก้ไขระมัดระวังมิให้มีขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วต้องให้ผู้ทำผิดรองรับผลตามความผิดโดยยุติธรรมไม่ใช่สักแต่ว่าจัดการกลบเกลื่อนให้เงียบไปเสียเพื่อจะไว้หน้าสงวนศักดิ์ของข้าราชการ

          ข้อ 4 กิจการใดทั้งหมดอันเจ้าพนักงานต้องบังคับแก่ราษฎร ต้องระวังอย่าให้ราษฎรต้องขัดข้องเสียเวลา เสียการในทางหาเลี้ยงชีพของเขาเกินสมควรแม้จะเป็นการจำเป็นโดยระเบียบการก็ดี เจ้าหน้าที่พึงสอดส่องแก้ไขอยู่เสมอเท่าที่สุดจะทำได้

          ข้อ 5 ข้าราชการที่จะแต่งตั้งออกไปประจำตำแหน่งในมณฑลปัตตานี พึงเลือกเฟ้นแต่คนมีนิสัย ซื่อสัตย์ สุจริต สงบเสงี่ยมเยือกเย็น ไม่ใช่สักแต่ว่าส่งไปบรรจุให้ตำแหน่ง หรือส่งไปเป็นทางลงโทษเพราะเลว เมื่อจะส่งไปต้องสั่งสอนชี้แจงให้รู้ลักษณะทางการอันพึงประพฤติระมัดระวัง โดยหลักที่กล่าวได้ว่า ในข้อหนึ่งและข้อสี่ข้างบนนั้นแล้ว ผู้ใหญ่ในท้องที่พึงสอดส่องฝึกฝนอบรมกันต่อๆ ไปในคุณธรรมเหล่านั้น ไม่ใช่คอยให้พลาดพลั้งลงไปก่อนแล้วจึงว่ากล่าวโทษ

          ข้อ 6 เจ้ากระทรวงทั้งหลายจะจัดการวางระเบียบการอย่างใดขึ้นใหม่ หรือบังคับการอย่างใดในมณฑลปัตตานี อันจะเป็นทางพากพานถึงสุขทุกข์ราษฎรก็ควรพิจารณาเหตุผลแก้ไขหรือยับยั้ง ถ้าไม่เห็นด้วยว่า มีมูลขัดข้อง  ก็ควรหารือกระทรวงมหาดไทย แม้ยังไม่ตกลงกันได้ระหว่างกระทรวง ก็พึงนำความขึ้นกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย

          ทั้งนี้ แนวรัฐประศาสโนบาย 6 ประการ คือแนวทางการทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่ยึดถือเป็นแนวทางสำหรับข้าราชการระดับ อำเภอ จังหวัด รวมทั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้วางกรอบการทำงานแก้ไขปัญหาดำเนินการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเคร่งครัด  อีกทั้งภายหลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อปี 2547 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทุกภาคส่วนได้รับยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 มาเป็นเข็มทิศนำทางมาปรับประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายพลเรือน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายมีความเข้าใจ สามารถปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเงื่อนไขที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

          สำหรับวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 เป็นวันครบรอบ 100 ปี ของหลักรัฐประศาสโนบาย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ และภาคีเครือข่าย กำหนดจัดกิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และกระตุ้นจิตสำนึก ของข้าราชการและบุคลากรของรัฐ ให้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบและทำงานอยู่ภายใต้แนวทางหลักรัฐประศาสโนบาย 6 ประการ อย่างเต็มขีดความสามารถ โดยกำหนดจัดกิจกรรมรายอกีตอ ตอน “100 ปี หลักรัฐประศาสโนบาย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 น้อมนำ สืบสาน สู่การปฏิบัติ” ระหว่างเดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2566 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัด 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งจัดแสดงนิทรรศการความเป็นมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน, การประกวดการกล่าวสุนทรพจน์ ,ประกวดขับร้องอนาซีด ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา เรื่อง “รัฐประศาสโนบาย และยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา กับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” และการแสดงวงดนตรีออร์เคสตรา จากเทศบาลนครยะลา ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2566 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า