กำลังใจไม่เคยห่างหาย แม้เวลาจะผ่านมาเกือบจะ 4 เดือน แต่ร่องรอยบาดแผล และความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่อาจจะลบเลือน

          ช่วงเย็นของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ขณะที่ นายสุทธิศักดิ์ หมีนเส็น ออกหาปลาตามปกติเช่นทุกวัน ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่นในคลองบริเวณสะพานรถไฟของหมู่บ้านน้ำเค็ม ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา สิ้นเสียงระเบิดลูกชายทั้งสองอุ้มร่างพ่อที่จมกองเลือดส่งตรงยังโรงพยาบาล เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้นายสุทธิศักดิ์ฯ เสียขาข้างซ้าย อีกทั้งครอบครัวต้องเสียกำลังหลักในการหารายได้

          “หยุดใช้ความรุนแรง อยู่กันฉันท์พี่น้อง ขอความสันติสุขจงเกิดขึ้นในพื้นที่” นี่คือเสียงเรียกร้องของคนในพื้นที่ ที่ไม่อยากให้สถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น ทุกคนปฏิเสธความรุนแรง แต่มีเพียงกลุ่มคนบางกลุ่มเท่านั่น พยายามที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ ความรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดความสูญเสีย เกิดความพลัดพราก และเสียโอกาสในหลายสิ่ง

          ผ่านมาเกือบ 4 เดือน แม้วันนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของนายสุทธิศักดิ์ และครอบครัวจะได้รับความช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และชุมชน ให้มีอาชีพ มีรายได้ มีที่อยู่อาศัยจากการช่วยเหลือของสังคมที่กำลังจะแล้วเสร็จ แต่หากจะพูดถึงด้านจิตใจนั้น ยังคงต้องใชเวลาเป็นเครื่องเยียวยาต่อไป พร้อมกับที่นายสุทธิศักดิ์กล่าวไว้ ขอใช้หลักศาสนาและองค์พระอัลเลาะห์ ไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจผ่านพ้นเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดนี้ไปให้ได้

          ด้านแม่ทัพภาคที่ 4 พลโท เกรียงไกร  ศรีรักษ์ เมื่อมีเวลาก็หมั่นมาเยี่ยมเยียน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับครอบครัวหมีนเส็น ที่ประกอบไปด้วย นายสุทธิศักดิ์ หมีนเส็น, นางฮามาน๊ะ หมีนเส็น ซึ่งเป็นภรรยา, นางรอมเล๊าะ และหวัง คุณแม่ และลูกๆ หลานๆ อีกกว่า 10 ชีวิต อยู่เสมอ รวมไปถึงความห่วงใยของหน่วยทหารในพื้นที่ ที่คอยหมุนเวียนกันมาดูแลไม่ห่างหาย พร้อมกับนำของอุปโภคบริโภค ของใช้จำเป็นในการดำรงชีวิตมามอบให้ ช่วยเหลือเป็นที่พึงให้กันต่อไป

          “ฝากไปถึงผู้ที่หลงผิดที่กำลังหลบหนีหรือซ่อนตัวให้ออกมารายงานตัวแสดงตนเพื่อที่เข้าสู่กระบวนการทางกฏหมาย กลับคืนสู่การใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ขอให้มั่นใจในกระบวนการของรัฐ  หันกลับมาดูแลสังคม และสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปด้วยกัน” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว

ศูนย์ประชาสัมพันธ์   กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า