พลเอกชัยชาญ  ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อม เลขาธิการ สมช.ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บเหตุระเบิด จ.ยะลา

330

          วันนี้ 11 มีนาคม 2565 ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา  พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการ สมช. พลเอกพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้แทนพิเศษรัฐบาลด้านความมั่นคง พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์บริเวณถนนสาย 410 ยะลา-เบตง ตรงข้ามมัสยิดบ้านเตาปูน พื้นที่ บ้านเงาะกาโป หมู่ที่ 3 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 10 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา

          โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะได้เป็นผู้แทน นายกรัฐมนตรี นำกระเช้าเยี่ยมปลอบขวัญ พร้อมเงินบำรุงขวัญมามอบให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ อาสาสมัครทหารพรานชาติชาย นันทกรปรีดา อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 30 ถูกสะเก็ดระเบิดที่เอวข้างขวา และต้นแขนด้านขวา พร้อมได้มอบกระเช้าพร้อมเงินบำรุงขวัญให้แก่ญาติของนายตูแวมะอุเซ็งจูนิ อายุ 33 ปี ประชาชน อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ที่ 3 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา  ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดมีแผลเปิดเหนือสะโพก และญาตินางสาวคอรีเยาะ สะแม อายุ 32 ปี ประชาชน ต.บันนังสตา จ.ยะลา ถูกสะเก็ดระเบิดมีแผลที่ต้นขาขวา หลังเท้าขวา

          พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้มอบหมายให้เป็นผู้แทน  มาเยี่ยม สร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งกำชับให้ดูแลเยียวยาอย่างเต็มที่ โดยให้โรงพยาบาล และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดำเนินการเร่งเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังได้กำชับให้หน่วยงานความมั่นคงได้ติดตามผู้ก่อเหตุ เร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยมอบหมายให้แม่ทัพภาคที่ 4 ดูแลปรับแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่จุดล่อแหลมและมีความเปราะบาง เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคน

          นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าได้ไปติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงประสิทธิภาพตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำสุไหงโกลก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก หากแล้วเสร็จจะช่วยป้องกันอุทกภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ได้  อีกทั้งยังได้หารือในมาตรการการรองรับการเปิดด่านชายแดนของมาลาเซียในวันที่ 1 เมษายน 2565 นี้ ทั้งในเรื่องของความมั่นคง และคัดกรองป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มข้น พร้อมหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าตามแนวชายแดนหลังมีการเปิดด่านพรมแดน ขณะนี้ทุกส่วนมีความพร้อมอย่างมาก เพื่อช่วยกันให้การค้าขายตามแนวชายแดนไทย- มาเลเซีย กลับฟื้นตัวอีกครั้ง

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า