กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวชี้แจงเหตุซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส

432

          วันนี้ (17 พ.ย. 64) เวลา 13.00 น. ที่ ห้องแถลงข่าว ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 16 พ.ย.64 ที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา13.50 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์กระบะหุ้มเกราะ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดกองกำกับการสืบสวน 2 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บริเวณสะพานในพื้นที่บ้านตันหยงมุสลิม (บ้านย่อยบ้านยือลาแป) หมู่ที่ 3 ตำบลสุวารี อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ รถยนต์ได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป ทันที หลังเกิดเหตุ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ได้จัดชุดปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ จัดตั้งจุดตรวจจุดสกัดและชุดเคลื่อนที่เร็ว เข้าสกัดกั้น ตามเส้นทางรอง พบชาย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาท่าทางมีพิรุธ จึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบ แต่คนซ้อนท้ายกระโดดลงจากรถและวิ่งหลบหนี พร้อมกับใช้ปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ จึงได้เกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น และอาศัยความชำนาญในภูมิประเทศ หลบหนีไป ส่วนคนขับเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการควบคุมตัวทราบชื่อคือ นายอามีร ดอแต อายุ 29 ปี อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านกาโดะ ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และตรวจสอบกระสอบใยสังเคราะห์สีฟ้าที่ นายอามีร นำมา พบอาวุธปืนสงคราม จำนวน 4 กระบอก ได้แก่ AK 47/ 1 กระบอก,  AK 102/ 1 กระบอก /, M 16 A 4 /1 กระบอก / และ M 16 A1 ตัดสั้น จำนวน 1 กระบอก, ซองกระสุนปืนรวมกัน 11 ซอง, กระสุนปืน และของใช้ส่วนตัวจำนวนหนึ่ง, อาวุธปืนที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ 2 กระบอก คือ ปลย. M 16 A1 ตัดสั้น, ปล้นมาจากหน่วยทักษิณพัฒนาที่ 12 เมื่อ พ.ศ.2546 และ ปลย.M 16 A 4 ปล้นมาจากเหตุระเบิดรถยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จะแนะ เหตุเกิดเมื่อ 28 ก.ย.64 โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะได้ดำเนินการตรวจสอบถึงที่มาของอาวุธปืนที่เหลือรวมทั้งประวัติการก่อเหตุของปืนทั้งหมด ต่อมาชุด EOD  เข้าตรวจสอบบริเวณจุดที่ซุ่มยิงรถยนต์ของตำรวจพบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบเหยียบฝังเอาไว้เพื่อล่อลวงให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และต่อมาได้ดำเนินการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับนาย อามีร ขณะนี้ได้ถูกนำไปควบคุมตัวที่ศูนย์ซักถามกรมทหารพรานที่ 46 ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส และจะได้นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามประมวลกฎหมาย ป.วิ อาญา ต่อไป

          ทั้งนี้ พลโท เกรียงไกร  ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและรวบรวมวัตถุพยานต่างๆ เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว  พร้อมให้ทุกพื้นที่เพิ่มมาตรการคุ้มครองเส้นทาง และบูรณาการกำลังทุกภาคส่วนในการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน และจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เจ้าหน้าที่มุ่งปฏิบัติต่อผู้ก่อเหตุรุนแรงตามมาตรการจากเบาไปหาหนักและตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ถึงแม้จะถูกผู้ก่อเหตุรุนแรงยิงเข้าใส่ก่อน และคนร้ายที่เหลือมีอาวุธสงครามพร้อมใช้งานอยู่ถึง 4 กระบอกด้วยกัน แต่ก็ดำเนินการจับกุมโดยไม่มีการสูญเสียหรือบาดเจ็บทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่และผู้ก่อเหตุรุนแรง จากพฤติกรรมดังกล่าวจะเห็นได้ว่าคนร้ายมุ่งที่จะก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในทุกรูปแบบ โดยมีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่

          ในการนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหว ก็สามารถแจ้งได้ที่เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ หรือสามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 โทร 061-173-2999 และเบอร์สายด่วน 1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน อย่าได้ให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิด ทั้งการให้ที่พักพิง เก็บซ่อนอาวุธ หรือจัดหาเสบียง เพราะจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ศูนย์ประชาสัมพันธ์  กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า