รองแม่ทัพภาคที่ 4 ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ของหน่วยยุทธวิธี หลังยกระดับความปลอดภัยพื้นที่เข้มงวด เพื่อป้องกันเกิดเหตุซ้ำ มุ่งดูแลพื้นที่ให้ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย หวังนำพาสันติสุขสู่ จชต.

274

           วันนี้ (26 เมษายน 2568) เวลา 09.30 น. ที่บัญชาการทางยุทธวิธี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พลตรี วรเดช  เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ภาพรวมความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ หลังยกระดับการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ครู พระภิกษุ ผู้นำศาสนา และประชาชน พร้อมยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพรัดกุมยิ่งขึ้น เช่น พื้นที่รอยต่ออำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา กับอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี, อำเภอแว้ง และอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมสถานการณ์และดูแลความปลอดภัยของประชาชน ให้ครอบคลุมทุกมิติ  โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา , ผู้แทนฝ่ายอำนวยการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์

           โดย พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่าเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลทุกนายสามารถปฏิบัติภารกิจได้สุดกำลังความสามารถ ขอให้ทุกคนทำงานมุ่งมั่นทุ่มเท ตรงเป้า ตรงจุด ใช้สติ ปัญญา คิด วางแผน ด้วยความห่วงใยและขอส่งกำลังใจถึงทุกคนจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับมายังทุกท่าน  เพื่อทุกภารกิจบรรลุผลสำเร็จ และขอให้ทุกท่านพึงระลึกเสมอว่า ทุกคนคือเพื่อนร่วมชีวิต เพื่อนร่วมคิด ร่วมใจแก้ปัญหา และขวัญกำลังใจ คือพลังและ ศักยภาพที่สำคัญ ส่งผลให้ทุกภารกิจมีความปลอดภัย และบรรลุผลสำเร็จอย่างแท้จริง สำหรับการดำเนินการสืบสวนสอบสวนในคดีต่าง ๆ ให้รวบรวมพยานหลักฐานและบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อจัดการกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ถูกหล่อหลอมจากการปลูกฝังแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งทำลายความสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายภาคใต้ ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้ายึดถือวิธีปฏิบัติในการตรวจค้น และการกักตัวบุคคลที่ต้องสงสัยตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 และระเบียบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า  ว่าด้วยวิธิการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 กำชับการดำเนินการทุกขั้นตอนต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ย้ำทุกภาคส่วนต้องปฏิบัติจริงจังต่อเนื่อง ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เน้นภาคประชาสังคมในพื้นที่ต้องมีส่วนร่วมปฏิบัติอย่างประสานสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน สะกัดกั้นเพิ่มมาตรการป้องกันพื้นที่ชุมชน พื้นที่รอยต่อ พื้นที่ป่าเขา คุมเข้มเส้นทางสัญจรให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจสอบบุคคล รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ร่วมกับอาสาสมัครประจำพื้นที่ ขอให้กำลังพลทุกนายต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยตนเองเสมอ ก่อนทุ่มเท เสียสละ ดูแลพื้นที่อย่างสุดกำลังความสามารถ ต้องคิด วิเคราะห์ ประเมินแก้ไข ให้ดียิ่งขึ้น  ย้ำการบังคับใช้กฎหมายต้องรัดกุม รอบครอบ อยู่บนพื้นฐานข้อกฎหมาย มีความยุติธรรม ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนเคร่งครัด เน้นการปฏิบัติเชิงรุก ต้องรัดกุม ให้ทำการลาดตระเวรเพื่อสะกัดกั้นการหลบหนีข้ามพรมแดน ตามช่องทางธรรมชาติ ควบคู่กับการป้องกัน ป้องปรามขนย้ายสิ่งของผิดกฎหมายและยาเสพติทุกชนิด ส่วนงานมิติงานสร้างความเข้าใจใช้ “สภาสันติสุขตำบล และ ฮูกุมปากัต” พัฒนาพื้นที่ ควบคู่การดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนสื่อสังคมออนไลน์ต้องสร้างความเข้าใจแก่พี่น้องประชาชนตรวจสอบและโปรดใช้วิจารณญาณ กลั่นกรองก่อนการรับข้อมูลข่าวสาร และขอให้เชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ยังคงมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแนวทางสันติวิธี เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่

           จากนั้น พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ กองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบที่ 2 อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เพื่อกำชับ รับทราบปัญหาข้อขัดข้องการปฏิบัติภารกิจตามนโยบายผู้บังคับบัญชา  ย้ำใช้การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายและติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวต่อเนื่อง ต้องบูรณาการร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน เน้นเสริมขีดความสามารถให้อาสาสมัครประจำพื้นที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยร่วมกัน เฝ้าระวัง มุ่งเน้น พื้นที่เสี่ยง พื้นที่ติดป่าชายขอบ ทำการควบคุมจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม และสร้างความเข้าใจต่อการปฏิบัติภารกิจแก่พี่น้องในพื้นที่ และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ในการนี้ยังได้นำเครื่องอุปโภค บริโภคมอบแก่กำลังพลแทนความห่วงใยให้กำลังใจในการปฏิบัติภารกิจ

           ขณะเดียวกัน รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะฯ ลงพื้นที่บัญชาการทางยุทธวิธี หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ณ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 11  ตำบลโล๊ะจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพื่อนำความห่วงใยจากผู้บังคับบัญชา พร้อมหารือข้อขัดข้อง นำข้อผิดพลาดแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนบูรณาการทำงานดูแลพื้นที่ให้ปลอดเหตุ ปลอดภัย หลังผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงพยายามสร้างสถานการณ์ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์

           ก่อนเดินทางกลับ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่กองบังคับการหมวดเฉพาะกิจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นราธิวาส 33 ซึ่งเป็นที่บัญชาการทางยุทธวิธีหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ตำบลปาเสมัส  อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เข้าติดตามความคืบหน้าการติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตาม พร้อมกำชับ ให้บูรณาการร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ เน้นกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และประชาชนมีส่วนร่วมดูแลพื้นที่ รวมกันสอดส่องดูแลบ้านเกิดให้รัดกุมยิ่งขึ้น ขอให้หน่วยมีการปรับภารกิจให้เหมาะสม กับสถานการณ์ ให้พร้อมรับมือต่อสถานการณ์ปัจจุบันทันที ย้ำความสำเร็จของแผนปฏิบัติ คือ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดกำลังความสามารถ และมีกลไกสำคัญยิ่งก็ คือ ผู้บังคับหน่วยทุกระดับตั้งแต่ผู้บังคับกองร้อย ต้องกำกับดูแล และ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุต่อพี่น้องประชาชน เน้นปฏิบัติการเชิงรุก ต้องปรับเปลี่ยนเทคนิค  ห้ามประมาท ยับยั้ง จำกัดเสรี ผู้ก่อเหตุ และผู้สนับสนุนผูัก่อเหตุ อย่างสุดกำลังความสามารถ พร้อมกล่าวขอบคุณชื่นชมในการทุ่มเทเสียสละของเจ้าหน้าที่ทุกนายที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างดียิ่ง กำชับทุกภาคส่วนต้องร่วมกันระดมสมอง ระดมแนวคิด โดยใช้หลักการทางการทหาร ควบคู่การสืบขยายตัวบุคคล ทุกคนต้องมีปฏิภานไหวพริบอยู่เสมอ จุดตรวจจุดสกัดต้องคุมเข้มตลอด 24 ชั่วโมง

แม่ทัพภาคที่4 แม่ทัพไพศาล

ศูนย์ประชาสัมพันธ์

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

  เนื้อข่าวภาษารูมี

    Timbalan Panglima Tentera Ke-4 memantau perkembangan situasi unit taktikal selepas meningkatkan tahap keselamatan kawasan bagi mengelakkan insiden berulang, dengan fokus menjaga kawasan agar bebas daripada kejadian dan memastikan keselamatan orang awam, serta berusaha membawa keamanan ke wilayah selatan Thailand.​

      Pada hari ini (26 April 2568), jam 9.30 pagi, di Markas Operasi Taktikal, Agensi Keselamatan Dalam Negeri Wilayah 4, Brigedier Jeneral Woradet Detcharaksa, Timbalan Panglima Tentera Ke-4 / Timbalan Pengarah Agensi Keselamatan Dalam Negeri Wilayah 4, turun padang memantau situasi keseluruhan keganasan yang berlaku selepas peningkatan tahap keselamatan, khususnya bagi kumpulan yang terdedah seperti guru, sami, pemimpin agama, dan orang awam. Beliau turut meningkatkan langkah keselamatan di kawasan berisiko seperti sempadan daerah Sabai Yoi, Songkhla dengan daerah Kok Pho, Pattani; daerah Waeng dan daerah Su-ngai Kolok, Narathiwat, bagi meningkatkan keberkesanan kawalan situasi dan memastikan keselamatan orang awam. Turut hadir dalam mesyuarat pemantauan situasi adalah pegawai atasan, wakil agensi keselamatan dalam negeri Wilayah 4, dan ketua jabatan kerajaan, tentera, polis, serta awam.​

     Brigedier Jeneral Woradet Detcharaksa menegaskan keyakinan terhadap pelaksanaan tugas anggota tentera yang mampu melaksanakan misi dengan sepenuh kemampuan. Beliau menyeru agar semua pihak bekerja dengan tekun dan fokus, menggunakan akal dan perancangan dengan penuh perhatian, serta mengingatkan bahawa setiap individu adalah rakan sejawat dalam menyelesaikan masalah. Semangat dan moral adalah tenaga dan potensi penting yang memastikan setiap misi berjalan dengan selamat dan berjaya. Dalam siasatan kes, beliau menekankan pengumpulan bukti dan pelaksanaan undang-undang sepenuhnya untuk menangani kumpulan pengganas yang dipengaruhi oleh ideologi ekstrem yang merosakkan keamanan di wilayah selatan Thailand. Agensi Keselamatan Dalam Negeri Wilayah 4 berpegang kepada prosedur pemeriksaan dan penahanan individu yang disyaki mengikut Akta Darurat 2457 dan peraturan agensi tersebut, dengan menekankan prinsip hak asasi manusia dalam setiap langkah.​

     Seterusnya, Brigedier Jeneral Woradet Detcharaksa bersama rombongan melawat Markas Unit Taktikal Ke-2, Daerah Sukhirin, Narathiwat, untuk memberi arahan dan memahami masalah dalam pelaksanaan misi mengikut dasar komando. Beliau menekankan analisis kumpulan sasaran dan pemantauan berterusan situasi perisikan, serta integrasi antara tentera, polis, dan awam. Fokus diberikan kepada meningkatkan keupayaan sukarelawan tempatan dalam menjaga keselamatan bersama, memantau kawasan berisiko, dan memastikan kawalan di titik-titik kritikal.​

    Pada masa yang sama, Timbalan Panglima Tentera Ke-4 dan rombongan melawat Markas Operasi Taktikal Unit Taktikal Narathiwat di Markas Tentera Sempadan Ke-11, Kampung Loa Chud, Daerah Waeng, Narathiwat, untuk menyampaikan keprihatinan dari komando dan membincangkan isu-isu yang timbul, serta mencari penyelesaian untuk penambahbaikan. Penekanan diberikan kepada penyertaan semua pihak dalam integrasi kerja untuk menjaga kawasan agar bebas daripada kejadian dan memastikan keselamatan.​

   Sebelum berangkat pulang, Timbalan Panglima Tentera Ke-4 dan rombongan melawat Markas Unit Taktikal Khas Operasi Khas Narathiwat 33, Markas Tentera Laut, Kampung Pasemas, Daerah Su-ngai Kolok, Narathiwat, untuk memantau perkembangan dalam menjejaki pelaku jenayah dan memberi arahan untuk tindakan lanjut. Penekanan diberikan kepada integrasi bersama ketua jabatan kerajaan, dengan melibatkan ketua kampung, pemimpin masyarakat, pemimpin agama, dan orang awam dalam menjaga kawasan agar lebih selamat.​

#PanglimaTenteraKe4 #PanglimaPhitsanulok #PusatPerhubungan #AgensiKeselamatanDalamNegeriWilayah4