กอ.รมน.ภาค 4 สน.

          เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 08.30 กองร้อยทหารพรานที่ 4910 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 จัดกำลังพลชุดช่างดำเนินการช่วยเหลือซ่อมแซม ก่อสร้างบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและสานสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนในพื้นที่ โดยทำการขึ้นคานไม้และโครงไม้ เพื่อปรับปรุงซ่อมแซม และต่อเติม ให้ประชาชนมีคุณภาณพชีวิตที่ดีขึ้น ณ บ้านไอร์บือแต หมู่ที่ 4 ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการซ่อมแซมและต่อเติมยังไม่แล้วเสร็จ           ภารกิจการซ่อมแซม และต่อเติมบ้านเรือนให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย เป็นเครื่องมือในการสานพลังชุมชน ทำให้ประชาชนที่บ้านเรือนผุพังทรุดโทรมได้มีบ้านใหม่ที่มั่นคงแข็งแรง เจ้าหน้าที่ก็มีความสุขใจที่ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของประชาชนที่เดือดร้อนกลับคืนมาอีกครั้ง ได้เห็นประชาชนในพื้นที่มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกองทัพบกในการมอบความสุขให้แก่ประชาชน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่49 ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

ทหารพราน 42 เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี           วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2567) เวลา 08.30 น. หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 จัดกำลังพลจากกองร้อยทหารพรานที่ 4213 ร่วมกับฝ่ายปกครองและส่วนราชการในพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านตาแบ๊ะ และหมู่ที่ 5 บ้านปาลัส ตำบลลางา อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี พร้อมกลับได้อพยพพี่น้องประชาชนออกมายังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว           หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก และขอให้ติดตามข่าวสารจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด           ทั้งนี้ หากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับความเดือนร้อนจากภัยพิบัติต่างๆ สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้โดยตรงกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 46 โทร. 073 – 340141 - 4 ต่อ 43011 และในส่วนพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ติดต่อได้ที่ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 42 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่42 ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

          วันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.00 น. ที่บ้านชุมบก หมู่ 9 ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานกิจกรรมลงแขกดำนา ภายใต้โครงการฟื้นนาร้าง สืบสาน วัฒนธรรม ทำนาเพื่อเด็กกำพร้า มีการร่วมกันจัดขึ้นระหว่างองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนราธิวาสกับภาคส่วนราชการในพื้นที่ โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ , ทหาร , ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สมาชิกองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ ร่วมกิจกรรม           ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า “กิจกรรมในวันนี้นับเป็นกิจกรรมดีๆ ในพื้นที่อีกกิจกรรมหนึ่ง ที่ให้ทุกคนได้ร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมการดำนา ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยได้เห็นหรือได้ทำจริงๆ มาก่อน พื้นที่ตรงนี้เดิมเป็นนาร้าง ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์อะไร วันนี้องค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติเศรษฐกิจพอเพียงร่วมกับส่วนราชการได้จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และในอนาคตก็จะมีการต่อยอดกิจกรรมต่อไป ที่สำคัญกิจกรรมนี้ยังเป็นการทำเพื่อเด็กกำพร้าจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก“ ...

          (วันที่ 1 ธันวาคม 2567 นี้) ประเทศมาเลเซีย ประกาศกฎเหล็ก ใครแอบข้ามไปมาเลเซียตามช่องทางธรรมชาติ จะถูกเจ้าหน้าที่มาเลเซียจับปรับ 7 หมื่น จำคุกอีก 5 ปี จากกรณี พลตำรวจโท ดาโต๊ะ มูฮัมหมัดยูโซฟ บินมามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ได้แถลงการณ์การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับการเดินทางเข้าออก ระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย และจะเริ่มกวดขันจับกุม ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป           แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ทางการมาเลเซียจะมีมาตรการตรวจสอบเส้นทางตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ทั้งชาวมาเลเซียและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย ที่เดินทางเข้าไปประเทศไทย ตามท่าเรืออย่างผิดกฎหมาย เมื่อข้ามไปแล้วกลับเข้ามา หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะจับกุมทันที           ดังนั้นขอแจ้งเตือนประชาชนชาวไทยหากต้องการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ขอให้ใช้บอเดอร์พาส หรือพาสปอร์ตเดินทางเข้าออกในช่องทางที่ถูกกฎหมายเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกทางการมาเลเซียจับกุม ปรับเป็นเงินคนละ 10,000 ริงกิต หรือประมาณ 77,607 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

          วันนี้ ( 25 พฤศจิกายน 2567) เวลา 13.30 น. ที่แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตรกองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล  หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธาน ประชุมหน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 เพื่อติดตามการปฎิบัติงาน พร้อมเน้นย้ำนโยบายสำคัญภาพรวมการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พลเอก มณี จันทร์ทิพย์ ที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า , คณะผู้บังคับบัญชา พร้อมด้วยผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้, รองเลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, ผู้แทนผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด 4 ชายแดนภาคใต้, ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจังหวัด, ผู้แทนฝ่ายอำนวยการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน เข้าร่วมประชุมฯ           โอกาสนี้...

          วันนี้ (25 พฤศจิกายน 2567) เวลา 11.00 น. ณ อาคารสุวรรณากร วัดสุวรรณนากร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานในพิธีอันเชิญน้ำหลวงอาบศพแก่อาสาสมัครทหารพราน เปลี่ยน ศิริสุข ตำแหน่ง พลลาดตระเวน กองร้อยทหารพรานที่ 4105 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่บ้านคอลอบาแล ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา จากการถูกซุ่มยิงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงและถูกยิงเข้าบริเวณท้ายทอย เป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ยังความปลื้มปิติในพระมหากรุณาธิคุณแก่ครอบครัวศิริสุข และเพื่อนทหารเป็นล้นพ้น โดยมี นายสนั่น สนธิเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9, คณะผู้บังคับบัญชา, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี, ผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่, ส่วนราชการ, เจ้าหน้าที่ทหาร, ตำรวจ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีแสดงความเคารพและอาลัยแก่วีรชนทหารกล้า ...

          ในวันพรุ่งนี้ 26 พ.ย. 67 จะเป็นวันครบรอบที่อัยการจังหวัดปัตตานี เลื่อนนัดเพื่อยื่นฟ้อง คดีกับนักกิจกรรมทั้ง 9 คนที่จัดกิจกรรมในข้อหา ยุยงปลุกปั่น อั้งยี่ ซ่องโจร โดยกิจกรรมดังกล่าวได้จัดขึ้นที่หาดวาสุกรี ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 65 โดยจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าว มีเนื้อหาที่มีลักษณะเป็นการยุยงปลุกปั่น มีการแสดงธงของกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนกลุ่ม BRN รวมทั้งมีการกล่าวถ้อยคำบนเวทีอันมีลักษณะว่ามีศัตรูมาทำลายชาติมลายูปาตานีทำให้เสียเอกราช เยาวชนต้องรวมตัวกันทำให้หมดไปซึ่งการถูกกดขี่ข่มเหง การกล่าวถ้อยคำว่า วันรายอที่ 3 เป็นวันเยาวชนแห่งชาติปาตานี รวมทั้งกิจกรรมร้องเพลงปลุกใจ มีเนื้อหาทำนองให้เยาวชนร่วมกันปฏิวัติกอบกู้เอกราชรัฐปาตานีคืนมา ซึ่งพฤติการณ์และการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดอาญา ดังนั้นคณะพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและมีความเห็นควรส่งฟ้องผู้ต้องหา 9 คน นำโดย นายมูฮำหมัดอาลาดี  เด็งนิ ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือด้วยวิธีอื่นใดอันมิใช่กระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน มาตรา 209 ความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่  มาตรา 210 ความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร และดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ กรณีการชุมนุมฝ่าฝืนมาตรการการป้องกันโรคโควิด...