เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำท่วม อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี พบว่า ปริมาณน้ำยังคงท่วมสูง เนื่องจากเป็นที่รับน้ำจากจังหวัดนราธิวาส ก่อนที่จะระบายลงสู่ทะเล ซึ่งปริมาณน้ำได้เอ่อล้นท่วมบ้านเรือน สวน ไร่นาของพี่น้องประชาชน ได้รับความเสียหายหนักสุดในรอบ 50 ปี ทั้ง 3 ตำบลของอำเภอสายบุรี ได้แก่ ตำบลตะบิ้ง ตำบลละหาร และตำบลปะเสยะวอ บางจุดท่วมสูงถึง 2-3 เมตร ถนนตัดขาดต้องใช้เพียงเรือเป็นยานพาหนะในการเข้า – ออกหมู่บ้าน หน่วยงานต่างๆเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ได้จัดให้มีศูนย์พักพิงผู้ประสบปัญหาอุทกภัย 3 จุดด้วยกัน จุดที่ 1 ณ โรงเรียนศาสนศึกษา, จุดที่ 2 ณ โรงเรียนบ้านเจาะกือแยก และจุดที่ 3 โรงเรียนบ้านแซะโม๊ะ ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี นอกจากนี้หน่วยงานต่างๆ ยังจัดให้มีศูนย์พักพิงชั่วคราว ตามจุดต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนซึ่งได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,000 คน ให้ได้พักพิงอาศัยชั่วคราวก่อนสถานการณ์น้ำจะลดระดับลง
ขณะที่กองทัพภาคที่ 4 โดย กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 153, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 และหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มอบถุงยังชีพ และจัดหาน้ำดื่ม ยาสามัญ ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ จัดตั้งโรงครัวสนาม และช่วยอพยพ ผู้คนออกมายังศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับพี่น้องประชาชน และคอยดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบอีกด้วย ซึ่งจากการสอบถามจากพี่น้องประชาชน ทราบว่า ในปีนี้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก แม้จะมีการเตรียมตัวมาแล้วจากประกาศแจ้งเตือนก็ตาม
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ขณะนี้ กองทัพภาคที่ 4 ได้มีการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นไปอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว โดย เฉพาะเด็กเล็ก และคนชรา ผู้หญิง ผู้เจ็บป่วย ให้ออกจากพื้นที่ เพื่อมายังจุดที่ปลอดภัย และจัดหาอาหาร น้ำดื่ม พร้อมทั้งเครื่องใช้จำเป็นเร่งด่วน ส่วนเด็กหนุ่มและผู้ชายนั้นก็ให้เป็นแรงสำคัญในการช่วยกันขนย้ายสิ่งของร่วมกับหน่วยต่างๆที่ลงพื้นที่ด้วยจนกว่าสถาการณ์จะดีขึ้น ขณะที่กำลังพลหน่วยทหารที่ได้ลงพื้นที่มาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนนั้น ทราบว่าบ้านเรือนกำลังพลหรือแม้กระทั่งหน่วยก็ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งนี้เช่นเดียวกัน ขอขอบคุณทุกส่วนที่ช่วยกันในครั้งนี้ ขอให้หน่วยกระจายความช่วยเหลือไปให้ทั่วถึงยังผู้ประสบภัยทุกคน และหลังจากสถานการณ์ดีขึ้นน้ำลดระดับลง การฟื้นฟูจะเริ่มขึ้นทันทีเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับไปยังที่พักอาศัยของตนได้อย่างรวดเร็วที่สุด
ขณะเดียวกันที่ วัดวิมลวัฒนาราม (วัดหัวเขา) ตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ได้จัดพิธีรดน้ำศพนายหมู่ใหญ่ วรเวช กาฬสุวรรณ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อำเภอสายบุรี ที่เสียชีวิตขณะกำลังเดินทางปฏิบัติหน้าที่เข้าเวร ณ จุดตรวจ จุดสกัด ด่านบ้านใต้ เขตเทศบาลเมืองอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี โดยระหว่างขับขี่รถจักรยานยนต์ไปถึงที่เกิดเหตุ เกิดน้ำทะลักเชี่ยวไหลแรงพัดผ่านถนน ทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลง เป็นเหตุให้นายหมู่ใหญ่ วรเวช กาฬสุวรรณ ซึ่งในขณะนั้นเจ้าตัวได้สวมเสื้อเกราะ และสะพายอาวุธปืนเล็กยาวประจำการ ถูกกระแสน้ำพัดพาสูญหายไป ซึ่งได้มีสมาชิก อส. ที่เห็นเหตุการณ์เข้าไปให้การช่วยเหลือแต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เนื่องจากระดับน้ำขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง พัดร่างสูญหายไปกับสายน้ำ ใช้เวลาในการค้นหาถึง 2 วันจึงพบศพผู้เสียชีวิต ล่าสุดเมื่อทราบข่าว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยส่งหรีดเคารพศพแล้ว พร้อมกันนี้เมื่อทราบข่าว แม่ทัพภาคที่ 4 รุดให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิตทันที พร้อมกับวางหรีดเคารพศพและรดน้ำศพ นายหมู่ใหญ่ วรเวช กาฬสุวรรณ ที่ได้ปฏิบัติภารกิจจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต โดยมีนายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, นายอำเภอสายบุรี ร่วมพิธีด้วยความไว้อาลัย โดยทางกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น กำลังทำเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพแก่เจ้าหน้าที่ผู้เสียสละ กำหนดพิธีพระราชทานเพลิงในวันที่ 31 ธันวาคม นี้
เหตุการณ์ดังกล่าว แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า “ต้องขอเชิดชูความเสียสละของเจ้าหน้าที่ อส.ท่านนี้ แม้รู้ว่าอันตรายอยู่ตรงหน้าแต่หน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนรออยู่ ทุกวินาทีมีค่า ความสูญเสียอาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกนายยึดมั่นในภารกิจ ควบคู่กับความปลอดภัยทั้งของตัวเองและประชาชนด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นแล้วขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลายแต่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็ใกล้จะมาถึง มีการเดินทางกลับภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมถึงนักท่องเที่ยวพอสมควร ขอให้เช็คสภาพการจราจรพื้นที่ไหนยังคงมีน้ำท่วมขัง ถนนเสียหายก่อนการเดินทาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าหน้าที่ทั้ง ทหาร ตำรวจ และพลเรือนจะคอยอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ที่เดินทางดูแลความปลอดภัยตลอดเทศกาล ทุกจุดตรวจและด่านอำนวยความสะดวก สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้หากเกิดปัญหาข้อขัดข้อง รวมถึงสถานที่แหล่งท่องเที่ยว ชุมชนต่าง ๆ ก็มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มข้นเช่นเดียวกัน สามารถสร้างความมั่นใจในการเดินทางมายังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า