หน่วยเฉพาะกิจสงขลา แจงเหตุบังคับใช้ กฎหมาย กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ของ อ.จะนะ และ อ.เทพา จ.สงขลา

2154

         วันนี้ ( 9 กันยายน 2563 ) เวลา 09.30 น. ที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา พลตรี ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา แถลงชี้แจงเหตุบังคับใช้กฎหมายกับผู้ก่อเหตุรุนแรง พื้นที่ อ.จะนะ และ อ.เทพา จ.สงขลา เจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้าย 2 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีประชาชน แจ้งข่าวความเคลื่อนไหว กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง มายังหมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 (061 – 173 – 2999) จึงได้ประสานตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมวางแผนเข้าตรวจสอบและจับกุม โดยสนธิกำลังจากหน่วยเฉพาะกิจ สงขลา หน่วยเฉพาะกิจสงขลา 40, หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43, ชุดปฏิบัติการข่าวกองพลทหารราบที่ 15, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 และหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมช่วยส่วนรวม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่เข้าพิสูจน์ทราบแหล่งพักพิงกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่ ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 6 กันยายน เวลาประมาณ 17.30 น. หลังจากสืบทราบว่า มีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง จำนวน 6 คน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ 3 คันไปยังแหล่งนัดพบบริเวณบ้านร้าง ชายหาดสะกอม ม.4 ต.เกาะสะบ้า อ.เทพา จ.สงขลา จึงได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อม และแสดงตัวเพื่อให้กลุ่มคนร้ายยอมมอบตัว แต่คนร้ายได้ใช้ความรุนแรงยิงใส่เจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดการยิงตอบโต้กันขึ้น ภายหลังเหตุการณ์สงบเข้าตรวจสอบพบคนร้าย เสียชีวิต จำนวน 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายอุสมัน เจ๊ะมิงอายุ 39 ปี มีภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 122 ม.6 บ.ห้วยปลิง ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ มีหมายจับ ป.วิอาญา เกี่ยวข้องกับคดีสาคัญ หลายเหตุการณ์ เช่น เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย 4203 บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านป่าบอน ม.1 ต.ป่าบอน อ.โคกโพธิ์จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ บาดเจ็บ 4 นาย เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2556, เหตุลอบวางระเบิดรถยนต์ของปลัดอำเภอ และ อส.อำเภอสะบ้าย้อย บริเวณหน้าศาลาทวดสะบ้าย้อย ในพื้นที่ บ.สะบ้าย้อย ม.1 ต.สะบ้าย้อย อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 10 ราย เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ส่วนคนร้ายอีก 1 คน ได้วิ่งหนีลงทะเล ต่อมาได้พบศพในเช้าวันที่ 7 กันยายน 2563 โดยในตัวพบอาวุธปืนลูกโม่ จำนวน 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ได้นำศพ ส่ง รพ.เทพา เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ต่อมาทราบชื่อ คือ นายเจะอารง บาเฮง หรือ “เปาะจิ”อายุ 40 ปี ที่อยู่ ปัจจุบันเลขที่ 157/3 บ.ลาลอง หมู่ 12 ต.นาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ป.วิอาญาของศาลจังหวัดนาทวี ถึง 9 หมายจับ ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2560 – 2563 ซึ่งที่ผ่านมานาย เจะอารง สามารถหลบหนีการจับกุมของ เจ้าหน้าที่มาโดยตลอด กระทั่งมาเสียชีวิตจากเหตุยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ที่ชายหาด สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน 2563

         สำหรับนายเจะอารง มีประวัติการก่อเหตุปล้นเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ ที่ อ.นาทวี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2560/ และปล้นห้างทองสุธาดาใน อ.นาทวี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2562 ได้ทองคำ มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท รวมทั้งบุก โจมตีฐานปฏิบัติการย่อยชุดคุ้มครองตำบลบ้านกอแลปิเละ ต.ปะกาฮะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหาร, อส., ชรบ. เสียชีวิต รวม 4 ราย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 และยังเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิด โจมตี อส.ชุดคุ้มครองตำบลห้วยเต่า อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ด้วย

        ส่วนคนร้ายที่เหลือได้แยกย้ายกันหลบหนี โดยขับขี่รถจักรยานยนต์ไปทาง อ.จะนะ จำนวน 2 คน ซึ่งหน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวณชายแดนที่ 43 ได้จัดชุดติดตาม ไปถึงบริเวณบ้านโคกม้า หมู่ที่ 8 ต.บ้านนา อ.จะนะ คนร้ายได้เลี้ยวเข้าสวนยาง พร้อมทิ้งรถจักรยานยนต์ และทำการยิงใส่เจ้าหน้าที่ ก่อนจะหลบหนี ทราบชื่อ คือ นายอัซมัน เปาะเล๊าะ ส่วนอีก 1 คัน คนร้าย จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทาง อ.เทพา โดยหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ได้ตั้งจุดตรวจ – จุดสกัด ตามเส้นทางที่คาดว่าจะใช้ โดยคนร้ายได้หลบหนี ไปยังมัสยิดบ้านป่าโยง ม.7ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งคนร้ายได้จอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ แล้วทำการยิงใส่เจ้าหน้าที่ ก่อนจะหลบหนีเข้าไปในพื้นที่สวนยางพาราด้านหลังมัสยิด ตรวจสอบทราบชื่อภายหลัง คือ นายสุรินทร์ กาเส็ง จากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียน เป็นรถที่แจ้งหาย เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2563 รถจักรยานยนต์ที่ตรวจพบที่บ้านร้าง จุดรวมพล ป้ายทะเบียน งทบ 614 สงขลา ป้ายจริง งทษ 544 สงขลา คนร้ายได้ดัดแปลงขูดเอาเลขเครื่องเดิมออก และเติมสีหมายเลขใหม่ ส่วนตัวรถนั้นเป็นรถที่แจ้งหาย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2563 เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบ พื้นที่บริเวณโดยรอบมัสยิดบ้านป่าโยง พบปืนพกจำนวน 1 กระบอกและเครื่องกระสุนจานวนหนึ่งอยู่ในกระเป๋าสีน้ำตาล บริเวณหลังมัสยิด แต่ไม่ตรวจพบบุคคลเป้าหมาย

       พลตรี ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ได้กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุที่ยังหลบหนี และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน อย่าตื่นตระหนก ขอให้มีความระมัดระวัง หากพบเห็นเบาะแส หรือบุคคลต้องสงสัย ขอให้แจ้งมายังสายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 ที่หมายเลข 061 – 173 – 2999 เจ้าหน้าที่ได้มีมาตรการเปิดแผนเชิงรุก ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ก่อเหตุเข้ามาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมา หน่วยได้มีการดำเนินการเข้าพบปะกลุ่มเครือญาติของผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อสร้างความเข้าใจให้นำผู้ที่ยังหลบหนีเข้ามามอบตัว และเข้ากระบวนการตามกฎหมาย แต่ไม่มีบุคคลใดที่จะแสดงตัว สุดท้ายคนร้ายได้ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ จนนำไปสู่การวิสามัญ

         กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องขอแสดงความเสียใจมายังญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้พยายามบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนักมาโดยตลอด แต่คนร้ายเลือกใช้ความรุนแรงในการตอบโต้จนทำเกิดความสูญเสียดังกล่าว

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า