แม่หลวงแห่งปวงชน ผู้โอบอุ้มหัวใจพสกนิกรชายแดนใต้

120

ตลอดเวลากว่า 6 ทศวรรษแห่งการทรงงาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็น “แม่แห่งแผ่นดิน” ผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตา เสด็จพระราชดำเนินเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องเผชิญปัญหาความยากจน ความไม่มั่นคง และสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ พระองค์ทรงตระหนักถึงความทุกข์ยากของพสกนิกร และได้เสด็จลงพื้นที่ด้วยพระองค์เองหลายครั้ง เพื่อทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างใกล้ชิด พร้อมพระราชทานแนวทางพัฒนาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

          พระราชกรณียกิจด้านอาชีพและศิลปาชีพ พระองค์ทรงเล็งเห็นว่า ราษฎรในจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนมากมีรายได้จากเกษตรกรรม ซึ่งมักได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศและราคาผลผลิต พระองค์จึงทรงริเริ่ม “โครงการศิลปาชีพในจังหวัดชายแดนภาคใต้” เพื่อส่งเสริมให้ราษฎร โดยเฉพาะสตรีในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีอาชีพเสริมจากงานหัตถกรรม เช่น การทอผ้าไหม การจักสาน การทำของพื้นบ้าน รวมทั้งการปักผ้าแบบมลายูพื้นเมือง เช่น

– ศูนย์ศิลปาชีพบ้านบูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส ได้รับพระราชทานเครื่องมือและทุนตั้งต้นให้สตรีในพื้นที่รวมกลุ่มทอผ้าและจักสานไม้ไผ่ เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

– ศูนย์ศิลปาชีพยะหา จังหวัดยะลา กลายเป็นแหล่งเรียนรู้การทอผ้าและปักผ้าลายมลายู ที่อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและส่งเสริมความสามัคคีของชุมชน

          พระราชดำริด้านศิลปาชีพนี้ มิได้เพียงสร้างรายได้ให้ประชาชนเท่านั้น แต่ยังช่วยอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นและส่งเสริมความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ไทยให้คงอยู่สืบไป

          พระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุข พระองค์ทรงห่วงใยสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะแม่และเด็กในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “หน่วยแพทย์พระราชทาน” ลงพื้นที่ตรวจรักษาโรคและให้ความรู้ด้านอนามัยแก่ประชาชน โดยหน่วยแพทย์พระราชทานในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ได้ออกให้บริการในถิ่นทุรกันดาร โดยมีแพทย์ พยาบาล และอาสาสมัครในท้องถิ่นร่วมให้บริการ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง พระองค์ยังโปรดให้คัดเลือกประชาชนเข้ารับการอบรมหลักสูตร “หมอหมู่บ้าน” เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพของคนในชุมชนตนเองได้ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงรับผู้ป่วยยากไร้ไว้ในพระราชานุเคราะห์ ส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ หากในพื้นที่ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง พระมหากรุณาธิคุณเช่นนี้เป็นที่ซาบซึ้งในหัวใจของพสกนิกรทั่วทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้

          พระราชกรณียกิจด้านการศึกษา สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงมีพระราชดำริว่า “การศึกษาเป็นรากฐานของการพัฒนา” พระราชทานทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ในถิ่นทุรกันดารได้เข้าถึงการเรียนรู้อย่างเท่าเทียมกับเด็กในส่วนอื่นของประเทศ นอกจากนี้ พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “ศาลารวมใจ” ในหลายจังหวัด รวมถึงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นทั้งห้องสมุดอเนกประสงค์และห้องปฐมพยาบาล โดยมีหนังสือความรู้พื้นฐานด้านเกษตร สุขภาพ และความเป็นไทย เพื่อปลูกฝังความรักชาติและความสามัคคีในหมู่ราษฎร

          พระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ พระองค์ทรงรักและหวงแหนธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง ทรงพระราชดำริให้ชาวบ้านในพื้นที่ภาคใต้ร่วมกันอนุรักษ์ป่าไม้และต้นน้ำ โดยใช้แนวทางของ “โครงการป่ารักน้ำ” ซึ่งทรงริเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และต่อยอดมายังพื้นที่ป่าภาคใต้ เช่น บริเวณเทือกเขาสันกาลาคีรี จังหวัดนราธิวาส ที่มีการปลูกไม้เศรษฐกิจและไม้ใช้สอยควบคู่กัน เพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้อย่างยั่งยืน

พระราชกรณียกิจด้านขวัญและกำลังใจ ด้วยความห่วงใยในชีวิตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่เสมอ ทรงพระราชทานสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค และเครื่องยศ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้า และหากผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พระองค์จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวโดยทันที ซึ่งโครงการ “มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์” ก็ถือกำเนิดขึ้นด้วยพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครผู้พิการจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

พระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สะท้อนถึงพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่ทรงมีต่อประชาชนทุกศาสนาและทุกเชื้อชาติ ไม่เพียงมุ่งเน้นการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ยังทรงวางรากฐานแห่งความมั่นคงทางอาชีพ การศึกษา สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประชาชนได้มีชีวิตที่สงบสุขและมั่นคงยั่งยืนภายใต้ร่มพระบารมี พระองค์ทรงเป็นเสมือน “แม่ผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่” แก่ผู้ยากไร้ในแผ่นดิน และเป็น “แสงแห่งความหวัง” ที่ส่องนำทางให้พี่น้องชาวไทยทุกคน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ดำรงชีวิตด้วยศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย

 

ศูนย์ประชาสัมพันธ์

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า