กอ.รมน.ภาค 4 สน. รายงานความคืบหน้าเหตุเจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี (เมื่อ 14 มี.ค.67)

28

         จากกรณีเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่เข้าบังคับใช้กฎหมาย ในพื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ณ บ้านเช่า เลขที่ 192/1-3 บ้านลูโบะซูลง หมู่ที่ 10 ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต จำนวน 2 ราย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการขยายผลติดตามผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติม และเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 ศาลจังหวัดปัตตานีได้ออกหมายจับ นายมูฮำหมัดซารีฟ เปาะแต (ตามหมายจับ ป.วิอาญา ที่ จ. 196/2567) มีพฤติกรรมเป็นผู้เช่าห้องพักดังกล่าว และให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี โดยตรวจพบวัตถุพยานเชื่อมโยงในที่เกิดเหตุ

         ล่าสุด วันนี้ 22 เมษายน 2567 เวลา 09.00 น. ชุดปฏิบัติการข่าว หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ได้รับการประสานจากงานสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสายบุรี ทราบว่า นายมูฮำหมัดซารีฟ เปาะแต ที่อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ที่ 7 ตำบลแป้น อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เข้ามารายงานตัว ณ สถานีตำรวจภูธรสายบุรี โดยมี นางสาว มาซีเต๊าะ สาอุ (มารดา) มาร่วมเป็นพยานในการเข้ารายงานตัว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปยังยังศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามและขยายผลต่อไป ทั้งนี้ในขั้นตอนการปฏิบัติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พูดคุยและสร้างความเข้าใจแก่ครอบครัวและญาติของผู้สงสัย ให้ทราบถึงขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนให้มากที่สุด

        กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า