เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2566 เวลา 1320 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส จัดตั้งจุดตรวจบนทางหลวงหมายเลข 42 บริเวณหน้าสถานีตำรวจภูธรปะลุกาสาเมาะ ได้ปรากฏรถยนต์เก๋ง จำนวน 1 คันแสดงอาการพิรุธไม่ยอมขับเข้าจุดตรวจ แต่ได้กลับรถบริเวณกลางถนนและขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามสกัดจับ ตรวจพบบุคคลภายในรถยนต์คันดังกล่าวเป็นชายจำนวน 5 คน ประกอบด้วย
- นาย ซุฟยัน วาเต๊ะ อายุ 22 ปี ภูมิลำเนา ตำบลบ้านโหนด อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
- นาย อิบรอฮิม วาฮะ อายุ 41 ปี ภูมิลำเนา ตำบลเปียน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
- นาย ซีฮาบุดดีน เปาะคะ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
- นาย ซูฮัยมี วาเต๊ะ อายุ 25 ปี ภูมิลำเนา ตำบลบ้านโหนด อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
- นาย อัซมัน เปาะเล๊าะ อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา ตำบลลำไพล อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่า นาย อัซมันฯ เป็นบุคคลผู้มีหมายจับในคดีความมั่นคงจำนวน 13 หมาย ที่สำคัญได้แก่ ก่อเหตุลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ อส.ชุดคุ้มครองครูตำบลห้วยเต่า อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2562 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย , ก่อเหตุลอบวางระเบิดชาวบ้านหาปลาและเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสรวม 3 ราย และก่อเหตุลอบวางระเบิดขบวนรถไฟขนสินค้าสาย หาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2565 เป็นเหตุให้ขบวนรถไฟตกราง ตู้สินค้าได้รับความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งทำให้เจ้าหน้าที่การรถไฟที่เข้าไปกู้ซ่อมรางรถไฟถูกระเบิดซ้ำลูกที่สอง เสียชีวิตจำนวน 3 ราย ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นภายในรถยนต์ของคนร้ายพบหลักฐานการจดบันทึกเฝ้าสังเกตุความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รวมทั้งธงสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจำนวนหนึ่ง จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและคนร้ายไปยังศูนย์ซักถามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อขยายผลต่อไป
ทั้งนี้ภายหลังทราบเหตุ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในศูนย์ซักถามปฏิบัติต่อบุคคลที่ถูกควบคุมตัวตามหลักกฎหมายและตามหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยทุกขั้นตอนต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้และต้องไม่กระทำการอันใดอันเป็นการละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนเป็นอันขาด รวมทั้งหากพี่น้องประชาชนพบเห็นเบาะแสผู้กระทำผิด บุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถโทรแจ้งได้ที่หน่วยงานความมั่นคง หรือหมายเลขสายตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือหมายเลขโทรศัพท์สายตรงผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 0611732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งขอเรียนให้ทราบว่าผู้ให้การสนับสนุนผู้กระทำผิดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การนำพาซ่อนเร้น การให้การสนับสนุนที่พักพิง หรือการสนับสนุนเสบียงอาหาร จะมีความผิดตามกฎหมาย ป.วิอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า