แถลงร่วม 3 ฝ่าย สรุปผลการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้

614

        วันนี้ 4 มิถุนายน 2564  เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พันเอก วัชรกร  อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ทวีศักดิ์ ทองสองสี หัวหน้างานกิจการพลเรือน กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ /ผู้ช่วยโฆษกกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ นายธีรพงษ์  เพชรรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ / โฆษกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงการปฏิบัติงานในห้วงเดือนที่ผ่านมา

        โดย พันเอก วัชรกร  อ้นเงิน รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กรณีการเพิ่มความเข้มและเสริมกำลังป้องกันชายแดนโดยบูรณาการกำลังร่วมทุกภาคส่วน ลาดตระเวนปิดตายช่องทางท่าข้ามธรรมชาติทั้งทางบกและทางน้ำ ตลอดระยะทาง 647 กิโลเมตร ห้ามลักลอบเดินทางเข้า-ออกโดยเด็ดขาด พร้อมให้เจ้าหน้าที่สร้างความเข้าใจกับชาวบ้านที่อยู่ริมลำน้ำ ยกเรือขึ้นฝั่ง สกัดการเดินทางข้ามแดนช่วงโควิด-19 ระบาด หลังมาเลเซียล็อกดาวน์ประเทศ ภายหลังจากที่ประเทศมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ประกาศล็อกดาวน์ประเทศระยะแรกเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่ 1 – 14 มิ.ย. 64 แบบเต็มรูปแบบทั้งระบบ ทั้งในภาคเศรษฐกิจและสังคม โดยจะมีการอนุญาตในบางส่วนที่จำเป็นเท่านั้นให้ยังคงเปิดดำเนินการได้ จึงอาจทำให้มีแรงงานต่างด้าวรวมถึงคนไทยในมาเลเซีย ทำการลักลอบเข้าประเทศไทยตามแนวชายแดน ผ่านตามช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย ล่าสุด พลโท เกรียงไกร  ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้จัดตั้งที่บังคับการทางยุทธวิธี(ทก.ยว.) ขึ้น จำนวน 2 พื้นที่  ประกอบด้วย ที่บังคับการทางยุทธวิธี กองกำลังเทพสตรี หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ที่ บ้านด่านนอก ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และที่บังคับการทางยุทธวิธี หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ที่หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่ออำนวยการ ควบคุม และกำกับดูแล ให้กำลังและเครื่องมือที่มีอยู่ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน อีกทั้งยังเป็นการช่วยประสานการทำงานร่วมกันกับกำลังภาคส่วนต่างๆ ให้สามารถขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้อย่างเป็นระบบ โดยที่บังคับการทางยุทธวิธีนอกจากกำลังทหารแล้วยังมี ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งตรวจคนเข้าเมืองมาทำงานร่วมกัน และยังได้รับการเพิ่มเติมกำลังจาก ผบ.ทบ. อีกจำนวน 5 ชุดปฏิบัติการ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สนับสนุนมาแล้วจำนวน 10 ชุดปฏิบัติการ ที่ได้เข้าไปช่วยเสริมกำลังลาดตระเวนจรยุทธ์อุดช่องโหว่ตามช่องทางธรรมชาติ ร่วมกับการใช้เครื่องมือเฝ้าตรวจตามแนวชายแดน

        สำหรับในพื้นที่ อำเภอแว้ง อำเภอสุไหงโก-ลก และ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ถือว่าเป็นพื้นที่แนวชายแดนไทย – มาเลเซียที่มีจุดผ่อนปรน และท่าข้ามธรรมชาติจำนวนมาก และเป็นพื้นที่เขตแดนทางน้ำถึง 95 กิโลเมตร ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือกับชาวบ้านริมลำน้ำ เพื่อยกเรือขึ้นฝั่ง ถอดเครื่องยนต์ ป้องกันการใช้ไปรับ-ส่งคนจากฝั่งมาเลเซียกลับมาฝั่งไทย และปิดตายช่องทางธรรมชาติ ห้ามเข้า – ออก โดยเด็ดขาด หากจะเข้ามาต้องมาทางช่องทางที่ถูกต้องเท่านั้น โดยมีการเปิดให้ลงทะเบียนข้ามแดนโดยถูกกฎหมายในทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ในส่วนของการลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติ ได้มีกำลังเฝ้าตรวจอย่างเข้มข้น พร้อมใช้งานการข่าวเชิงรุกควบคุมพื้นที่รอบนอก ตลอดจนพื้นที่ตอนในจากกำลังภาคประชาชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เองในการแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเมื่อตรวจพบจะนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยทันที ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายจะดูแลแนวชายแดนอย่างเต็มที่ และจะไม่ปล่อยให้ใครเล็ดลอดเข้ามาโดยไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองเป็นอันขาด รวมถึงต้องขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ขอให้ช่วยกันเฝ้าระวังและเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐอีกทางหนึ่งด้วย หากพบมีบุคคลลักลอบผ่านแดนเข้ามาในพื้นที่ หรือเบาะแสของขบวนการนำพา ขอให้แจ้งได้ที่เบอร์สายตรงแม่ทัพแม่ทัพภาคที่ 4 โทร 061-173-2999 หรือสายด่วน 1341 และหน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่หรือเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

        ขณะที่ พันตำรวจเอก ทวีศักดิ์ ทองสองสี หัวหน้างานกิจการพลเรือน กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ /ผู้ช่วยโฆษกกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยถึงสถิติการเกิดเหตุในรอบเดือนพฤษภาคม 2564 ว่า เกิดเหตุรวม 20 เหตุ เป็นเหตุอาชญากรรมทั่วไป 13 เหตุ เหตุก่อความไม่สงบ 4 เหตุ ก่อกวน 1 เหตุ และปะทะ 2 เหตุมีการออกหมายจับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในคดีความมั่นคง 21 หมาย จับกุม 5 หมาย และหมายจับ พรก.ฯ 4 หมาย จับกุม 4 หมาย จากการปฏิบัติการเชิงรุกบังคับใช้กฎหมาย ในรอบเดือนที่ผ่านมา มีเหตุปะทะและวิสามัญผู้ก่อเหตุรุนแรง ๒ ครั้ง คนร้ายเสียชีวิต 3 คน มีหมาย ป.วิ อาญา 2 หมาย และสามารถตรวจยึดอาวุธปืน  5 กระบอก โดยแยกเป็น ปืนยาว 3 กระบอก ปืนสั้น 2 กระบอก พบประวัติการก่อเหตุเชื่อมโยง 21 เหตุการณ์  สำหรับความคืบหน้าคดีสำคัญ เหตุคนร้ายยิงรถยนต์ขนส่งสินค้าและเผา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ในพื้นที่ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับ ป.วิอาญา  2  หมาย อยู่ระหว่างติดตามจับกุม เหตุคนร้ายขว้างระเบิดไปป์บอมใส่ฐานปฏิบัติการ ชุดคุ้มครองตำบลลุโบ๊ะบายะ ในพื้นที่ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เมื่อ 22 เมษายน 2564 พบประวัติการก่อเหตุเชื่อมโยง 11 เหตุ และมีการขยายควบคุมผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการซักถาม 9 คน และผลการซักถามสามารถขยายผลออกหมาย ป.วิ อาญา จำนวน 10 หมาย จับกุม 7 คน หลบหนี 3 คน เหตุเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ติดตามจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ เกิดการยิงปะทะกับคนร้ายเป็นเหตุให้ เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 เสียชีวิต 1 นาย คนร้ายเสียชีวิต 2 คน พื้นที่บ้านบาตูบือละ ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2564 มีหมายจับในคดีความมั่นคง 3 หมาย  ควบคุมตัวได้ 1 คน  ตรวจยึดอาวุธปืน 3 กระบอก พบประวัติเชื่อมโยงการก่อเหตุรวม 17 เหตุการณ์ เหตุเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและเกิดยิงปะทะ ในพื้นที่ บ้านซอปอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อ 11 พฤษภาคม 2564 สามารถควบคุมตัวเข้าสู่กระบวนการซักถาม ๒ คน และจากการซักถามทำให้ทราบมีคนร้ายหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ 1 คน ขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับและได้ประกาศสืบจับไว้แล้ว

        ด้าน นายธีรพงษ์  เพชรรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ / โฆษกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 จึงอยากให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เพราะนอกจากจะเป็นการดูแลตัวเองแล้ว ยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อีกด้วย ประกอบกับ ขณะนี้มาเลเซียกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19  อย่างรุนแรง โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละประมาณกว่า 7,000 คน มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 5.8 แสนราย ผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย รวมทั้งมีการระบาดของสายพันธุ์ที่รุนแรง  เป็นผลให้รัฐบาลมาเลเซีย ออกมาตรการควบคุมการสัญจร Total Lockdown ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1-14 มิถุนายน 2564 และทราบว่ายังคงมีคนไทยในมาเลเซีย จำนวนหนึ่งต้องการเดินทางกลับประเทศไทย จึงขอให้คนไทยเหล่านี้ ได้เดินทางกลับในช่องทางและวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้มีการคัดกรองโรคโควิด 19 และดำเนินการตามมาตรการ ทั้งการกักตัวและเข้ารับการรักษา หากมีการติดเชื้อโควิด 19  โปรดอย่าเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติหรือหลบหนี หากพี่น้องคนไทยในมาเลเซีย หากมีข้อขัดข้อง มีปัญหา หรือไม่มั่นในเรื่องใด สามารถประสานขอความช่วยเหลือหรือขอรับคำปรึกษา  หน่วยงานสังกัดกระทรวงการต่างประเทศของไทย ซึ่งมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ สถานเอกอัคราชทูต ณ กรุงกัวลัมเปอร์ ,สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง  รัฐเคดาห์ ซึ่งหน่วยงานดังกล่าว มีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวก ให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำแก่คนไทยในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการเดินทางกลับประเทศ นอกจากนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ได้โปรดใช้วิจารณญาณ ในการเลือก รับ รู้ข้อมูลข่าวสาร เฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง บิดเบือน ที่มีผลต่อความมั่นคงของชาติ  เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา สร้างความหวาดระแวง  ความหวาดกลัว และมีลักษณะยุยง ให้เกิดความแตกแยกในสังคม  โดยเลือกเชื่อข่าวสาร ที่มีที่มา ที่เชื่อถือได้หรือมีแหล่งข่าวชัดเจน  หากไม่มั่นใจ ให้ตรวจสอบจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นๆ  หรือการชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านสื่อมวลชนและช่องทางการสื่อสารต่างๆ  ไม่แชร์หรือส่งต่อข้อมูลที่เป็นเชิงลบ มีผลกระทบ และไม่มั่นใจว่ามีความถูกต้องหรือไม่  เพราะนอกจากจะสร้างความเสียหายต่อสังคม ต่อส่วนรวมและต่อประเทศชาติแล้ว  อาจผิดกฎหมายและถูกลงโทษได้ ในส่วนกิจกรรมศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เตรียมพร้อมจัดตั้งธนาคารอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการขยายผล สู่การบริการช่วยเหลือเด็กพิการแบบครบวงจร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายดูแลเด็กพิการ ตั้งแต่เด็ก จนสามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เด็กมีโอกาสเรียนหนังสือ เพิ่มความรู้ เพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือและดูแลตนเอง มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงในอนาคต อีกทั้ง ได้มีการเตรียมดำเนินกิจกรรมการทูตเชิงรุก สร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจกับนานาชาติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสาร สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเผยแพร่ข้อเท็จจริงเชิงบวกเกี่ยวกับสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้แก่นานาประเทศและสังคมโลก ส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมเป็นสื่อกลางและกลไกที่สำคัญในการร่วมประชาสัมพันธ์ ซึ่งกิจกรรมข้างต้น เป็นการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในมิติต่างประเทศ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังศึกษาในต่างประเทศ ในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกทางหนึ่ง

ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า