ใต้ร่มพระบารมี แม่แห่งแผ่นดิน ผู้หลั่งความรักสู่ปลายด้ามขวานทอง

201

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นแม่ของแผ่นดินผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระปรีชาสามารถ ทรงอุทิศพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรด้วยพระองค์เองหลายครั้ง ทรงทอดพระเนตรเห็นความยากลำบากของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย จึงทรงมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการและมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และจิตใจ

          หนึ่งในพระราชกรณียกิจที่เป็นที่ประจักษ์อย่างยิ่ง คือ “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ซึ่งทรงก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อเปิดโอกาสให้ราษฎรในชนบทและพื้นที่ทุรกันดาร รวมถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีอาชีพเสริมและรายได้เพิ่มจากการสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์พื้นบ้าน พระองค์ทรงเล็งเห็นว่าชาวบ้านมีฝีมือและภูมิปัญญาท้องถิ่นอันล้ำค่า เพียงขาดโอกาสในการพัฒนาและตลาดรองรับ พระราชดำริด้านศิลปาชีพจึงเปลี่ยนชีวิตผู้คนมากมายจากความยากจนสู่ความมั่นคง และยังช่วยอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป

          โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิศิลปาชีพฯ ได้ส่งเสริมการทอผ้า ปักผ้า และงานจักสานจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ใบลาน ย่านลิเภา และไม้ไผ่ สร้างรายได้แก่ครอบครัว และทำให้ชุมชนเข้มแข็ง พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า “คนไทยมีสายเลือดแห่งความเป็นช่าง เพียงได้รับโอกาสก็จะสามารถสร้างงานอันวิจิตรได้” พระราชดำรินี้ได้ผลิดอกออกผลจนถึงปัจจุบัน เกิดกลุ่มอาชีพและผลิตภัณฑ์ชุมชนมากมายที่เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและต่างประเทศ

          นอกจากด้านเศรษฐกิจแล้ว พระองค์ยังทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยทรงก่อตั้ง “มูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์” เพื่อดูแลทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้น พระราชกรณียกิจนี้ได้หล่อหลอมให้เกิดพลังแห่งความรักชาติและความเสียสละของผู้ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้า ทรงส่งอาหารและสิ่งของพระราชทานไปยังโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการเยี่ยมเยียนทหารผู้บาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง

          พระองค์ยังทรงอนุรักษ์และฟื้นฟู ผ้าไทย ให้กลับมามีชีวิตชีวาและมีชื่อเสียงระดับโลก ผ่านการใช้ผ้าไทยในพระราชกรณียกิจต่าง ๆ และทรงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิด “ชุดไทยพระราชนิยม” 8 แบบ ประกอบด้วย ชุดไทยเรือนต้น , ชุดไทยจิตรลดา , ชุดไทยอมรินทร์ , ชุดไทยบรมพิมาน , ชุดไทยจักรี , ชุดไทยดุสิต , ชุดไทยศิวาลัย และชุดไทยจักรพรรดิ ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของชาติอย่างสง่างาม โดยชื่อชุดไทยต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นชื่อเกี่ยวกับพระที่นั่งหรือพระตำหนัก ซึ่งมีความสอดคล้องกันกับโอกาส และความเหมาะสมในการใช้เครื่องแต่งกายชุดไทยอีกด้วย นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงพระราชทาน ตรานกยูงไทย เพื่อรับรองคุณภาพผ้าไหมแท้ของไทย ส่งเสริมให้ผ้าไหมไทยกลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง และเป็นทรัพย์สินทางปัญญาคู่แผ่นดิน

          ในด้านการศึกษาและสุขภาพ พระองค์ทรงก่อตั้ง “ศาลารวมใจ” เป็นศูนย์เรียนรู้และศูนย์ปฐมพยาบาลในชนบท เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงความรู้และการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังมี หน่วยแพทย์พระราชทาน ที่ออกตรวจรักษาผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดาร รวมถึงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พระราชกรณียกิจเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงพระเมตตาอันล้นพ้น ที่ไม่ทรงแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรือถิ่นที่อยู่ ทุกพระราชกรณียกิจล้วนมุ่งสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

          ในห้วงเวลาที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นปกคลุมทั่วทั้งแผ่นดิน แต่พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อแผ่นดินไทยและพสกนิกรยังคงส่องสว่างอยู่ในใจคนไทยตราบนิรันดร์ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ขอน้อมถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็นแม่ของแผ่นดิน และเป็นแรงบันดาลใจแห่งความรัก ความเมตตา และความงดงามของปวงชนชาวไทย ทั้งชาติตราบนิจนิรันดร์ขอให้พระองค์ทรงสถิตอยู่ “ใต้ร่มพระบารมี แม่แห่งแผ่นดิน ผู้หลั่งความรักสู่ปลายด้ามขวานทอง” อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ความเสียสละ และพระเมตตาที่ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจพสกนิกรไทยทั่วทุกภูมิภาค

ศูนย์ประชาสัมพันธ์

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า