Home Blog หน้า 61
          จากสันติสุขสู่ความรุนแรงที่ไม่มีใครต้องการ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นดินแดนที่มีทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกันมายาวนานด้วยความเคารพและเข้าใจซึ่งกันและกัน ทุกคนต่างเคารพในความแตกต่างทางวัฒนธรรมและศาสนา ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข แต่นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้เข้ามาทำลายความสงบสุขที่มีมา พวกเขาใช้ความรุนแรงสร้างความหวาดกลัว โดยไม่เลือกว่าเหยื่อจะเป็นชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม ทั้งพระสงฆ์ ครู อุสตาซ และประชาชนทั่วไป ต่างต้องตกเป็นเหยื่อของความโหดร้ายนี้            กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงมุ่งทำลายรากฐานสังคมและเศรษฐกิจของพื้นที่ชายแดนใต้ ผ่านการใช้ความรุนแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพื่อสร้างความหวาดกลัวและบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในสังคมพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันมายาวนาน เป้าหมายของพวกเขาคือทำให้ประชาชนไม่กล้าประกอบอาชีพ ไม่กล้าใช้ชีวิตตามปกติ และสูญเสียความไว้วางใจกันจนสังคมอ่อนแอ ตลอดปี 2568 กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง ทั้งลอบเผากล้องวงจรปิดในอำเภอกะพ้อ ทำลายเครื่องจักรของบริษัทเอกชนในนราธิวาส ลอบยิงและวางระเบิดขณะประชาชนเดินทางไปละหมาด รวมถึงลอบวางระเบิดบริเวณศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลาในช่วงประเพณีชักพระ นอกจากนี้ยังมีการปล้นร้านทองในห้างบิ๊กซีสุไหงโก-ลก และลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารอิสลามฯ หน้ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่ยังบั่นทอนความไว้วางใจระหว่างพี่น้องประชาชนที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมายาวนาน           ถึงเวลาแล้วที่เราต้องร่วมกันออกมาต่อสู้ และปฏิเสธความรุนแรงจากกลุ่ม BRN เพื่อที่เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข โดยร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแล ร่วมป้องกันไม่ให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และไม่ต้องกลัวผลกระทบจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งมีแต่ความโหดร้าย ใช้ความรุนแรงในการกดขี่พี่น้องประชาชนตลอดมา เพราะพลังของผู้บริสุทธิ์เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่เอาBRN ไม่เอาความรุนแรง หยุดทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แม่ทัพภาคที่4 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
          วันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลา 14.50 น. ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), นายฐนัตถ์ สุวรรณานนท์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ, พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะฯ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้กำลังใจและแสดงความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญและเสียสละ           โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่แต่ละนายอย่างใกล้ชิด จำนวน 4 นาย...
          หน่วยเฉพาะกิจยะลา เดินหน้าสานสัมพันธ์กับพี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ โดยเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2568 พันเอก ปัญญาพล สุรทิณฑ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ได้เข้าร่วมกิจกรรมเมาลิดสัมพันธ์ และร่วมรับประทานอาหารกับคณะครู นักเรียน และผู้นำท้องถิ่น การเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความเคารพต่อประเพณีอันดีงามของศาสนาอิสลาม ซึ่งจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงจริยวัตรอันประเสริฐของท่านศาสดานบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา           กิจกรรมเมาลิดสัมพันธ์ถือเป็นเวทีสำคัญที่หน่วยงานความมั่นคงใช้ในการ เสริมสร้างความเข้าใจและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชุมชน อันเป็นรากฐานสำคัญในการนำสันติสุขกลับคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม่ทัพภาคที่4 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า
          วันนี้ (11 ตุลาคม 2568) เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย/ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมด้วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข (คนใหม่) พร้อมด้วย รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง  พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  และคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ พร้อมทั้งประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และแผนปฏิบัติการปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมี พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  พร้อมทั้ง หน่วยขึ้นตรงกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม         ...
         พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน ซึ่งพี่น้องชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมต่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันทุกหนทุกแห่ง ได้ดำรงชีวิตร่วมกันมาอย่างมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และเคารพในความแตกต่างของกันและกัน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน โดยไม่เลือกปฏิบัติ ได้กระทำต่อทั้งพี่น้องทั้งชาวไทยพุทธและไม่เว้นแม้แต่พี่น้องชาวไทยมุสลิมต้องเผชิญกับความรุนแรงนี้ รวมไปถึงการทำร้ายพระภิกษุสงฆ์และครูบาอาจารย์ ที่ทำให้เกิดการสร้างความหวาดกลัวและความหวาดระแวงในพื้นที่มากขึ้น          ในปี 2568 ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ก่อเหตุทำร้ายทั้งพี่น้องชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น การทำร้ายอดีตอุสตาซในจังหวัดนราธิวาส , การทำร้ายพระภิกษุสงฆ์และสามเณรในอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา , การกราดยิงพี่น้องชาวไทยพุทธในอำเภอตากใบ , การปล้นร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และการก่อเหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็มของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ความรุนแรงอีกหลายเหตุการณ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดความหวาดกลัวและสร้างความหวาดระแวงระหว่างพี่น้องชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิมที่อยู่ในพื้นที่          ถึงเวลาแล้วที่เราต้องร่วมกันออกมาต่อสู้ และปฏิเสธความรุนแรงจากกลุ่ม BRN เพื่อที่เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข โดยร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแล ร่วมป้องกันไม่ให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และไม่ต้องกลัวผลกระทบจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งมีแต่ความโหดร้าย ใช้ความรุนแรงในการกดขี่พี่น้องประชาชนตลอดมา เพราะพลังของผู้บริสุทธิ์เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ไม่เอาBRN  ไม่เอาความรุนแรง หยุดทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แม่ทัพภาคที่4 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า
         พี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ที่ทรงมีพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตาธรรม และทรงตระหนักถึงความสำคัญของการทำนุบำรุงพระศาสนาและสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ในการธำรงไว้ซึ่งความสงบสุข ความเข้าใจอันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพสกนิกรชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทรงมีพระราชดำริในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการศาสนาอิสลาม ตลอดจนความอยู่ดีกินดีของพสกนิกรอย่างต่อเนื่อง          ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในงานสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม เช่น งานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ซึ่งพระองค์ได้ทรงเสด็จฯ เข้าร่วมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 และยังทรงพระราชทานถ้วยรางวัลในการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ทั้งในระดับภาคใต้และระดับประเทศอย่างสม่ำเสมอ แสดงถึงพระราชหฤทัยที่ทรงให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมศาสนาอิสลามและคุณธรรมของเยาวชนมุสลิมไทย นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสนับสนุนการศึกษาอย่างจริงจัง โดยการจัดตั้ง “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” (ม.ท.ศ.) ซึ่งได้พระราชทานทุนการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลและขาดแคลน รวมถึงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนจำนวนมาก          สิ่งที่ตราตรึงในใจพสกนิกรชาวไทยมุสลิมคือ ความผูกพันที่พระองค์ทรงมีต่อพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะพระราชดำรัสว่า "ยังไงเราก็ต้องมา" ที่ทรงตรัสเมื่อครั้งเสด็จฯ ลงพื้นที่ ทำให้พสกนิกรในพื้นที่รู้สึกอบอุ่นใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้          พระองค์ยังทรงพระราชทานรางวัลแก่บุคลากรด้านการศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ที่มีความประพฤติดีและมีผลงานโดดเด่น ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจและความภาคภูมิใจในวิชาชีพของครูและนักเรียนมุสลิมในพื้นที่ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระราชปณิธานที่จะสืบสานงานแปล พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ซึ่งถือเป็นภารกิจที่แสดงถึงการให้เกียรติและเคารพในหลักความเชื่อทางศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง ...
           เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 กรมทหารราบที่ 151 จัดพิธีเปิดการตรวจความพร้อมด้านการบรรเทาสาธารณภัย ประจำปี 2568  ณ  กองบังคับการกรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา จังหวัดนราธิวาส เพื่อเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์สำหรับรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูมรสุมปลายปีในพื้นที่ภาคใต้ โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้การนำของ พันเอก ทรงเดช สุกนุ้ย ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 ซึ่งได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้าน ทั้งกำลังคน อุปกรณ์ช่วยเหลือ และการประสานงานกับหน่วยงานราชการ เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม หรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ          การตรวจความพร้อมในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในภารกิจตามนโยบายของกองทัพบก ที่ต้องการให้หน่วยทหารในทุกพื้นที่ทำหน้าที่เป็น “ที่พึ่งของประชาชน” ในยามเกิดภัยพิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งประสบภัยทางธรรมชาติเป็นประจำทุกปี ซึ่งมีการตรวจสภาพเครื่องมือ ยานพาหนะ และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งให้โอวาทแก่กำลังพล เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจและความตระหนักในหน้าที่ของตนเอง          กองทัพพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน ขอให้ประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติในพื้นที่ กรมทหารราบที่ 151 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะสามารถเข้าช่วยเหลือและสนับสนุนการฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่และทันท่วงที ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือ...
       แม่ทัพภาคที่ 4 เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติงาน อย่างรัดกุม รอบคอบ และนำความรู้ไปต่อยอดพัฒนา โดยเฉพาะด้านการข่าวให้มีการวิเคราะห์เชิงลึก เข้าถึงกลุ่มขบวนการได้มากขึ้น พร้อมกำชับกำลังพลชายแดน เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา และให้ทุกหน่วยสร้างความเข้าใจ ในชุมชนผ่านสภาสันติสุขตำบล เพื่อให้ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชน ดูแลช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง   พลโท นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยคารรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 10 ตุลาคม 2568 แม่ทัพภาคที่4 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า
          วันที่ 11 ตุลาคม 2568 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 จัดกำลังพลชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจผู้พิการในพื้นที่ตำบลปากู อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยทางการเคลื่อนไหว ที่ต้องอาศัยการดูแลจากครอบครัวอย่างใกล้ชิด          การลงพื้นที่ในครั้งนี้ มุ่งเน้นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้พิการและครอบครัว พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และส่งต่อความอบอุ่นใจจากทหารสู่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล          นอกจากการให้ความช่วยเหลือแล้ว กำลังพลยังได้พูดคุยสอบถามสารทุกข์สุกดิบ รับฟังปัญหาความต้องการของครอบครัว เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนให้ความช่วยเหลือต่อเนื่องตามภารกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” อันเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติงานด้านกิจการพลเรือน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ที่พร้อมอยู่เคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเพียงใด ทหารจะไม่ทอดทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง เพราะ “เราคือครอบครัวเดียวกัน” ที่พร้อมแบ่งปันรอยยิ้ม ความอบอุ่น และความหวังให้กันและกัน แม่ทัพภาคที่4 ศูนย์ประชาสัมพันธ์  กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า
วันนี้ (10 ตุลาคม 2569) เวลา 15.45 น. ที่ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี คณะมวลชน องค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียง (กลุ่มเสื้อเขียว) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสี่อำเภอของจังหวัดสงขลา เข้าพบ พลโท นรธิป  โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา เพื่อแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมแนะนำตัวหารือการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้           โดย นาย สมบูรณ์ จิตเพ็ญ ประธานองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัดนราธิวาส ผู้แทนกลุ่มเสื้อเขียวฯ ได้กล่าวแสดงความยินดี พร้อมขอบคุณกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาโดยตลอด  ที่ผ่านมาล้วนทำงานร่วมกัน มีความคุ้นเคยเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน พร้อมหวังให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า  ให้การสนับสนุนการทำงานของกลุ่มเสื้อเขียวต่อไป เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้           ด้าน พลโท นรธิป ...